26 พฤษภาคม 2556

จากร้าย... กลายเป็นดี


     วันนี้จะมาเขียนบทความเกี่ยวกับบุคคลคนหนึ่งอีกแล้ว คนนี้มีชื่อว่า โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ เมื่อได้ยินชื่อนี้หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่คุ้นหรือยังงงอยู่ว่าเขาคือใคร แล้วเขาคนนี้มีอะไรน่าสนใจหรือ แต่ถ้าบอกว่าเขาคนนี้คือ โทนี่ สตาร์ค พระเอกคนดังจากภาพยนตร์เรื่อง IRON MAN ทุกคนคงร้องอ๋อกัน แล้วอะไรที่น่าสนใจล่ะ ถ้าในเรื่อง IRON MAN ก็คงไม่ต้องพูดอะไรมากเพราะเชื่อว่าเกือบจะทุกคนรู้จักเรื่องนี้ แต่ชีวิตจริงของเขาต่างหากที่น้อยคนนักจะรู้ 
  
     โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ปัจจุบันอายุ 48 แล้ว เขาเข้าวงการตั้งแต่ปี 1970 มีผลงานทั้งหนังและซีรีย์ ทั้งครอบครัวเขาเป้นคนดังทั้งหมด ใช้ชีวิตเป็นนักแสดงอาชีพ ได้รางวัลมากมาย เช่น Golden Globe Award หลายครั้ง เคยเข้าชิง OSCAR 2 ครั้ง เมื่อมีชื่อเสียงขึ้นมา มีพรสวรรค์มากมาย และมีเงิน ทำให้เขาผิดพลาดจากสิ่งยั่วยุ ไม่ว่าจะยาเสพติดและปาร์ตี้ ช่วงปี 2001 เขาเสพยาหนักมาก และต้องติดคุกในคดียาเสพติดมาแล้ว ในความผิดพลาดนี้ทำให้เขาเกือบจะหมดอนาคตในวงการบันเทิง

     โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ได้เข้ารับการบำบัดอยู่หลายครั้ง จนกลับมาเลิกยาเสพติด เลิกติดการจัดปาร์ตี้ และทุ่มเทให้กับงานแสดงอย่างเป็นมืออาชีพ แล้วเขาก็เดินหน้ากวาดรางวัลมากมาย ผลงานที่เด่นดังของเขาเช่น Iron Man, Sherlock Holmes ทำให้คนทั่วโลกได้รู้จักเขา ปัจจุบันขา clean และละเลิกทั้งหมดแล้ว มีการคาดกันว่าเขาได้รับค่าตอบแทนไม่น้อยกว่า 50 ล้านเหรียญต่อภาคเลยทีเดียว


     เรื่องของ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ เป็นตัวอย่างให้เราเห็นว่าความสำเร็จในชีวิตไม่ได้มาง่าย ๆ และไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ต้องผ่านความผิดพลาด ล้มเหลว สิ่งเหล่านี้เป็นบททดสอบสำคัญให้เราไปถึงยังจุดหมายในระยะยาว โดยอาศัยความพยายามและความทุ่มเท ไม่ยอมแพ้ต่อความยากลำบาก เรียนรู้จากข้อผิดพลาดและใช้เป้นบทเรียนสอนใจ

     ในโลกของการลงทุน ความผิดพลาด การหลงผิดเกิดขึ้นได้อยู่เสมอ ถ้าเรายอมจำนนและยอมแพ้ แน่นอนเราไม่มีทางประสบผลสำเร็จในระยะยาวได้แน่นอน แต่เมื่อเรานำข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น มาทำการแก้ไข ไม่ว่าข้อผิดพลาดนั้นจะเนื่องมาจาก ระบบของเรา สภาพจิตใจของเรา หรืออะไรก็แล้วแต่ ถ้าเราไม่ละซึ่งความพยายามและทุ่มเทให้กับมัน จดจำทุกอย่างไว้เป็นบทเรียนและทำการปรับปรุงแก้ไข เชื่อว่าความสำเร็จคงอยู่ไม่ไกลจนเกินไป ทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ...

Tony Stark: Falling in line's not really my style.
 (ทำตามกฎมันไม่ใช่สไตล์ผมเท่าไหร่)



twitter : @champsiwa

12 พฤษภาคม 2556

กว่าจะเป็นวันนี้...


     วันนี้จะมาเล่าให้ฟังถึงบุคคลคนหนึ่งซึ่งในช่วงนี้เป็นกระแสแรงมาก บุคคลคนนี้เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างสุดยอดคนนึงของโลก ใช่แล้ว บุคคลนี้มีนามว่า "Sir Alexander Chapman Ferguson" หรือที่เรารู้จักในในนาม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หรือเราเรียกสั้น ๆ กันว่า เฟอร์กี้ ลองมาดูประวัติของบุคคลคนนี้ดูครับ

     เฟอร์กี้ เป็นคนสก็อตแลนด์โดยกำเนิดครอบครัวทำงานที่อู่ต่อเรือ มีฐานะค่อนข้างยากจน จากนั้นเฟอร์กี้เริ่มต้นเข้าสู่วงการฟุตบอล ด้วยการเป็นนักฟุตบอลอาชีพในตำแหน่งกองหน้า ค้าแข่งกับหลายสโมสรผลงานการเป็นนักฟุตบอลก็ถือว่ายอดเยี่ยม

     แต่สิ่งที่จะเน้นและกล่าวถึงคือการทำหน้าที่เป็นกุนซือของเฟอร์กี้ มีประวัติที่ไม่ธรรมดา เขาเริ่มต้นคุมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 1986 โดยในยุคนั้น แมนยูฯ ไม่ใช่ แมนยูฯ ในแบบทุกวันนี้ ถือว่าเป็นทีมที่ไม่ได้ มีผลงานอันโดดเด่นอะไร (แฟนบอลคงรู้กันดียุคนั้นเป็นยุคของหงส์แดงเขาล่ะ) ในฤดูกาลแรกของการทำหน้าที่ผู้จัดการทีม เขาพาแมนยูฯ รอดพ้นจากการตกชั้น โดยคว้าลำดับที่ 11 ในตาราง

     ในฤดูกาลถัดมาผลงานของเฟอร์กี้ ใน 8 นัดแรกแมนยูฯ ไม่พบกับชัยชนะเลยแม้แต่นัดเดียว แฟนบอลต่างไม่พอใจ ชูป้ายไล่เฟอร์กี้ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม และจุดตัดสินชะตาของการทำหน้าที่ผู้จัดการทีมก็มีถึงในเกมส์ FA cup รอบ 3 ถ้าเขาพาทีมตกรอบ เขาจะถูกปลดออกจากตำแหน่งทันที แต่แล้วเขาพาทีมชนะผ่านเข้ารอบไปได้ และยิ่งไปกว่านั้น เฟอร์กี้ พาแมนยูฯ ผ่านทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศของถ้วยใบนี้ โดยพบกับทีม คริสตอล พาเลซ ความสำเร็จแรกของเขามาถึง เขาพาแมนยูฯ คว้าแชมป์แรกในการคุมทีมของเขาได้สำเร็จ

     และนั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ ในปี 1999 เฟอร์กี้พาแมนยูฯ คว้าได้ถึง 3 แชมป์ (พรีเมียร์ลีก, FA cup, ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก) สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สอง แห่งสหราชอาณาจักร ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เขาเป็นอัศวินแห่งอังกฤษ นับเป็นชาวสกอตเพียงไม่กี่คน ที่ได้รับเกียรติอย่างสูงเช่นนี้ จนถึงวันนี้เฟอร์กี้ใช้เวลาในการสร้างแมนยูฯ มากว่า 27 ปีคว้าแชมป์ลีกได้ถึง 13 สมัยและกวาดถ้วยรางวัลจากรายการอื่น ๆ กว่า 30 ถ้วย

     ในโลกของการลงทุนต้องใช้เวลา และความอดทนในการประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน ลองเปรียบเทียบการเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล มาเป็นผู้จัดการพอร์ตการลงทุน เราอาจไม่ได้มีทุนเริ่มต้นมากมาย (เหมือนเฟอร์กี้เกิดในครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวย) ในตอนเริ่มแรกเราอาจจะขาดทุน มีผลตอบแทนที่แย่กว่าตลาด (เหมือนกับการคุมทีมแล้วตกชั้น หรือรอดพ้นอย่างฉิวเฉียด) เมื่อเราเริ่มศึกษา และเรียนรู้มากขึ้น เราอาจจะมีผลตอบแทนเทียบเท่าตลาด (เหมือนกับการคุมทีมแล้วอยู่รอดปลอดภัยบนลีกสูงสุดได้สบาย) จากนั้นเมื่อเราฝึกฝนมากขึ้น ประสบการณ์เยอะขึ้น ผลตอบแทนพอร์ตการลงทุนของเราชนะตลาดได้อย่างกระจุยกระจาย (เหมือนกับการคุมทีมแล้วคว้า Triple Champ มาครองได้สำเร็จ)

     ความสำเร็จไม่ได้มาง่าย ๆ เพียงชั่วข้ามคืนต้องใช้ความอดทน ใช้ระยะเวลา ไม่ยอมแพ้ต่อความยากลำบาก เรียนรู้จากความผิดพลาดแล้วนำมาปรับปรุงแก้ไข สิ่งที่เล่าให้ฟัง อาจจะไม่ได้เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน แต่เราสามารถศึกษาประวัติชีวิต และนำข้อคิดที่ได้มาปรับใช้กับการลงทุนของเราได้เหมือนกัน ปล.หวังว่าบทความนี้จะไม่ขัดใจแฟนหงส์นะจ๊ะ อิอิ

"อย่ารังเกียจความผิดพลาด แต่กุญแจสำคัญคือ ต้องชนะมากกว่าแพ้" -เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน-

04 พฤษภาคม 2556

ใครกำหนด ?

 

     ตั้งแต่เป็นเด็กมาจนถึงตอนนี้สิ่งที่เราเคยได้ยิน เคยรับฟังมา บ้างก็ว่าชีวิตเราได้ถูกกำหนดไว้แล้วโดยพระเจ้า บ้างก็ว่าโชคชะตาเป็นสิ่งที่กำหนดชีวิตของเรา บ้างก็ว่าเวรกรรมเป็นตัวชี้นำชีวิตของเรา แล้วคำตอบที่ถูกต้องจริง ๆ แล้วล่ะ อะไรกำหนดชีวิตของเรา ???

     เราเคยตั้งคำถามกับตัวเองไหมว่า ในปีหน้าเรามีอะไรจะต้องทำ ? อีก 5 ปีข้างหน้าเราจะอยู่ที่ไหน ? อีก 10 ปีข้างหน้าความเป็นอยู่เราจะเป็นยังไง ? อีก 50 ปีข้างหน้าเราจะมีชีวิตอยู่อย่างไร ? บ้างก็มีคำถามแต่กลับไม่หาคำตอบ เพราะอาจจะเชื่อว่าชีวิตของเราได้ถูกกำหนดไว้แล้วไม่ว่าจะโชคชะตา หรือเวรกรรม บ้างก็มีคำตอบที่ชัดเจน ต้องดีใจกับคนกลุ่มนี้เพราะคนกลุ่มนี้ไม่รอคอยโชคชะตา หรือให้เวรกรรมพาไป คนกลุ่มนี้เลือกที่จะกำหนดชีวิตของเขาด้วยตัวเขาเอง

     มีคลิปวิดีโอจาก Youtube คลิปหนึ่งค่อนข้างน่าสนใจ โดยนำเสนอชีวิต 2 รูปแบบที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ลองคลิ๊กชมดูครับ >>> Which Life You Prefer???  ดูแล้วเชื่อหรือไม่ครับว่าชีวิตของเรา เราสามารถออกแบบ และกำหนดมันได้ว่าเราจะเลือกเป็นแบบใด ?

     ในโลกของการลงทุนเราสามารถออกแบบ และกำหนดวิธีการลงทุนของเราได้ด้วยตัวเองเช่นกัน ไม่ต้องรอให้อารมณ์ของตลาด หรือว่าเจ้ามือมาเป็นตัวกำหนดผลการลงทุนของเรา เราควรต้องหมั่นศึกษา เฝ้าติดตาม ตรวจสอบระบบ วางแผนจัดการเงิน สิ่งเหล่านี้เองที่จะเป็นตัวกำหนดผลตอบแทนจากการลงทุนของเรา

     ชีวิตจริงการออกกำลังกายทำให้เรามีสุขภาพแข็งแรง ชีวิตการลงทุนก็หมั่นศึกษาทำให้เรามีพอร์ตที่แข็งแรง สิ่งที่ยากลำบากในการที่จะออกกำลังกายคือความคิดที่จะเริ่มออกกำลังกาย แต่เมื่อเราตัดสินใจเริ่มต้นออกกำลัง จนเราพบกับความอ่อนล้าของกล้ามเนื้อและหยาดเหยื่อที่ไหลซึมกาย มันจะรู้สึกสดชื่นอย่างน่าประหลาดใจ เมื่อทำอย่างเป็นประจำเรายังได้ร่างกายที่แข็งแรง เช่นเดียวกันการลงทุนยากลำบากในช่วงเริ่มต้นศึกษา แต่เมื่อเราเริ่มไปแล้ว เราจะรู้สึกตื่นเต้นเมื่อวันหนึ่งเราเห็นพอร์ตเราเริ่มโต มีผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ เมื่อเราทำอย่างเป็นประจำเราจะมีประสบการณ์เอาตัวรอดได้ในทุกสถานการณ์


 "Life isn’t about finding yourself. Life is about creating yourself."

"ชีวิตไม่ใช่การค้นหาตัวเอง แต่มันคือการสร้างตัวของตัวเองขึ้นมาต่างหาก"

 - George Bernard Shaw -