วันนี้จะมาเล่าให้ฟังถึงบุคคลคนหนึ่งซึ่งในช่วงนี้เป็นกระแสแรงมาก บุคคลคนนี้เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างสุดยอดคนนึงของโลก ใช่แล้ว บุคคลนี้มีนามว่า "Sir Alexander Chapman Ferguson" หรือที่เรารู้จักในในนาม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หรือเราเรียกสั้น ๆ กันว่า เฟอร์กี้ ลองมาดูประวัติของบุคคลคนนี้ดูครับ
เฟอร์กี้ เป็นคนสก็อตแลนด์โดยกำเนิดครอบครัวทำงานที่อู่ต่อเรือ มีฐานะค่อนข้างยากจน จากนั้นเฟอร์กี้เริ่มต้นเข้าสู่วงการฟุตบอล ด้วยการเป็นนักฟุตบอลอาชีพในตำแหน่งกองหน้า ค้าแข่งกับหลายสโมสรผลงานการเป็นนักฟุตบอลก็ถือว่ายอดเยี่ยม
แต่สิ่งที่จะเน้นและกล่าวถึงคือการทำหน้าที่เป็นกุนซือของเฟอร์กี้ มีประวัติที่ไม่ธรรมดา เขาเริ่มต้นคุมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 1986 โดยในยุคนั้น แมนยูฯ ไม่ใช่ แมนยูฯ ในแบบทุกวันนี้ ถือว่าเป็นทีมที่ไม่ได้ มีผลงานอันโดดเด่นอะไร (แฟนบอลคงรู้กันดียุคนั้นเป็นยุคของหงส์แดงเขาล่ะ) ในฤดูกาลแรกของการทำหน้าที่ผู้จัดการทีม เขาพาแมนยูฯ รอดพ้นจากการตกชั้น โดยคว้าลำดับที่ 11 ในตาราง
ในฤดูกาลถัดมาผลงานของเฟอร์กี้ ใน 8 นัดแรกแมนยูฯ ไม่พบกับชัยชนะเลยแม้แต่นัดเดียว แฟนบอลต่างไม่พอใจ ชูป้ายไล่เฟอร์กี้ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม และจุดตัดสินชะตาของการทำหน้าที่ผู้จัดการทีมก็มีถึงในเกมส์ FA cup รอบ 3 ถ้าเขาพาทีมตกรอบ เขาจะถูกปลดออกจากตำแหน่งทันที แต่แล้วเขาพาทีมชนะผ่านเข้ารอบไปได้ และยิ่งไปกว่านั้น เฟอร์กี้ พาแมนยูฯ ผ่านทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศของถ้วยใบนี้ โดยพบกับทีม คริสตอล พาเลซ ความสำเร็จแรกของเขามาถึง เขาพาแมนยูฯ คว้าแชมป์แรกในการคุมทีมของเขาได้สำเร็จ
และนั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ ในปี 1999 เฟอร์กี้พาแมนยูฯ คว้าได้ถึง 3 แชมป์ (พรีเมียร์ลีก, FA cup, ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก) สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สอง แห่งสหราชอาณาจักร ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เขาเป็นอัศวินแห่งอังกฤษ นับเป็นชาวสกอตเพียงไม่กี่คน ที่ได้รับเกียรติอย่างสูงเช่นนี้ จนถึงวันนี้เฟอร์กี้ใช้เวลาในการสร้างแมนยูฯ มากว่า 27 ปีคว้าแชมป์ลีกได้ถึง 13 สมัยและกวาดถ้วยรางวัลจากรายการอื่น ๆ กว่า 30 ถ้วย
ในโลกของการลงทุนต้องใช้เวลา และความอดทนในการประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน ลองเปรียบเทียบการเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล มาเป็นผู้จัดการพอร์ตการลงทุน เราอาจไม่ได้มีทุนเริ่มต้นมากมาย (เหมือนเฟอร์กี้เกิดในครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวย) ในตอนเริ่มแรกเราอาจจะขาดทุน มีผลตอบแทนที่แย่กว่าตลาด (เหมือนกับการคุมทีมแล้วตกชั้น หรือรอดพ้นอย่างฉิวเฉียด) เมื่อเราเริ่มศึกษา และเรียนรู้มากขึ้น เราอาจจะมีผลตอบแทนเทียบเท่าตลาด (เหมือนกับการคุมทีมแล้วอยู่รอดปลอดภัยบนลีกสูงสุดได้สบาย) จากนั้นเมื่อเราฝึกฝนมากขึ้น ประสบการณ์เยอะขึ้น ผลตอบแทนพอร์ตการลงทุนของเราชนะตลาดได้อย่างกระจุยกระจาย (เหมือนกับการคุมทีมแล้วคว้า Triple Champ มาครองได้สำเร็จ)
ความสำเร็จไม่ได้มาง่าย ๆ เพียงชั่วข้ามคืนต้องใช้ความอดทน ใช้ระยะเวลา ไม่ยอมแพ้ต่อความยากลำบาก เรียนรู้จากความผิดพลาดแล้วนำมาปรับปรุงแก้ไข สิ่งที่เล่าให้ฟัง อาจจะไม่ได้เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน แต่เราสามารถศึกษาประวัติชีวิต และนำข้อคิดที่ได้มาปรับใช้กับการลงทุนของเราได้เหมือนกัน ปล.หวังว่าบทความนี้จะไม่ขัดใจแฟนหงส์นะจ๊ะ อิอิ
"อย่ารังเกียจความผิดพลาด แต่กุญแจสำคัญคือ ต้องชนะมากกว่าแพ้" -เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน-
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น